ตอนที่ 5 : น่าน่า
ในขณะที่เดินออกมาจากโรงเรียนหงซาน สีหน้าของถางอู่หลินดูไม่ดีนัก สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เขารู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก
เขาเกิดมาในครอบครัวคนธรรมดา แต่ครอบครัวก็อบอุ่นดี พ่อกับแม่รักเขาเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะทำอะไรผิด พ่อกับแม่ก็จะคอยสอนด้วยเหตุผลเสมอๆ
แต่ในวันนี้ที่โรงเรียน เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับสิ่งที่เรียกว่า“ลำบาก”เพราะวิญญาณยุทธ์ของเขาที่เป็นหญ้าเงินฟ้านั่นคือเหตุผลที่ทำให้นักเรียนในห้องปฏิเสธเขาขนาดอาจารย์เองก็ดูไม่กระตือรือร้นกับเขาเท่าไหร่นัก
ในตอนบ่ายที่อาจารย์สอนทำสมาธิ อาจารย์ก็ใช้เวลาอธิบายเขาน้อยที่สุด
“วิญญาณยุทธ์ของข้า ไม่ดีขนาดนั้นเลยหรอ?”สีหน้าที่ดูไม่ดีของถางอู่หลินได้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเข้มแข็ง เขากล่าวออกมาว่า“ถึงแม้ว่าวิญญาณยุทธ์ของข้าจะไม่ดี แต่ข้าก็จะต้องเป็นผู้ใช้วิญญาณที่ยิ่งใหญ่ให้ได้ ท่านพ่อเคยบอกเอาไว้ ความสำเร็จมักมาจากความขยันเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์และความสามารถอีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ถ้าวิญญาณยุทธ์ของข้าไม่ดีพอ งั้นข้าก็จะต้องพยายามให้มากขึ้น!”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็เริ่มร่าเริงมากขึ้น ความกดดันที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง
แต่ว่าทำไม ข้าถึงหิวอีกแล้วล่ะ?ถางอู่หลินไม่ค่อยเข้าใจท้องของตัวเองเท่าไหร่นัก โรงเรียนจะมีข้าวมื้อกลางวันให้มื้อหนึ่ง ทั้งยังกินได้ไม่อั้นอีก อีกทั้งอาหารของเด็กนักเรียนห้องผู้ใช้วิญญาณยังดีกว่าห้องธรรมดาเป็นไหนๆ ถางอู่หลินกินไปเยอะมาก ข้าวหมดไปหม้อนึงได้แล้วกระมัง หากเทียบกับอายุของเขานั้นเท่ากับว่าเขากินในส่วนของนักเรียนสิบคนไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งนั่นมากกว่าปริมาณข้าวของผู้ใหญ่อีก
แต่ก่อนเขาก็กินข้าวไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่ากินมากขนาดนี้!อีกทั้งนี่เพิ่งจะบ่ายเองนะ แต่ตนดันมาหิวอีกแล้วนะสิ
กลับบ้านไปค่อยไปดูแล้วกันว่ามีอะไรอร่อยๆกินบ้าง เมื่อถางอู่หลินคิดถึงข้าวขึ้น ดวงตาของเขาก็พลันเป็นประกายระยิบระยับ
ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นก็มีร่างเงาเล็กๆร่างหนึ่งที่อยู่ริมถนนได้ดึงดูดสายตาของเขา
ถึงแม้ว่าแดดในช่วงตอนบ่ายจะไม่ได้แรงเท่าตอนเที่ยง ดังนั้นแสงแดดที่ส่องกระทบลงมายังผิวหนังจึงให้ความรู้สึกที่ร้อนนิดหน่อย แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของถางอู่หลินก็คือจุดที่แสงแดดส่องกระทบลงไปยังเส้นผมสีเงิน
เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ตรงทางริมถนน ดูเหมือนว่านางจะเด็กกว่าเขา แต่ทว่านางกลับมีผมสั้นสีเงิน แสงแดดที่ส่องลงมาทำให้ผมของนางเปล่งประกายสีที่สวยงามมากขึ้นกว่าเดิน
ราวกับถูกแรงดึงดูดบางอย่าง เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมามองที่เขา ใบหน้าของนางที่มอมแมมบวกกับเสื้อผ้าเก่าๆดูยังไงก็เหมือนกับขอทานไม่มีผิด แต่ว่านอกจากผมสั้นสีเทาที่พิเศษแล้วนางยังมีดวงตาที่ไม่เหมือนกับคนธรรมดา
ดวงตากลมโตนัยน์ตาที่เหมือนกับแร่อเมทิสต์สีม่วง ขนาดถางอู่หลินที่ยืนห่างจากนางขนาดนี้ ยังสามารถมองเห็นร่างเงาของตัวเองสะท้อนออกมาจากนัยน์ตาของนาง อีกทั้งนางยังมีขนตาที่งอนยาวคล้ายกับตุ๊กตา
เขาจ้องมองไปยังดวงตาคู่นั้นเหมือนกับมีมนต์สะกด เขาหยุดฝีเท้าลงในทันที สายตาของเด็กทั้งสองที่ประสานเข้าด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหญิงก็ไม่ละสายตาไปจากเขา ดวงตาคู่สวยนั้นกระพริบปริบๆด้วยความประหลาดใจ
“แม่นาง พ่อแม่ของเจ้าล่ะ?”ในตอนนั้นเอง ก็มีเด็กหนุ่มที่ถูกดึงดูดจากผมสีเงินนั้นเช่นเดียวกัน พวกเขาเดินมาข้างๆเด็กหญิงพลางถามขึ้น
เด็กหญิงไม่ได้มองพวกเขา นางเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล่าวอะไร
เด็กหนุ่มต่างมองหน้ากัน ก่อนที่จะมีหนึ่งคนในนั้นกล่าวออกมาว่า“ผมสีเงินนี่หายากมากเลยนะ!ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนของแผ่นดินอื่นก็ได้ เดาว่าตลาดมืดจะต้องชอบนางมากเป็นแน่ อีกทั้งดวงตาของนางก็ยังเป็นสีม่วงด้วย”
สายตาของเด็กหนุ่มแต่ละคนพลันฉายประกายความโลภออกมาพลางพยักหน้า
เด็กหนุ่มที่พูดไปก่อนหน้านี้ ก้มลงไปมองหน้าของเด็กหญิงพลางถามขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“เฮ้ สาวน้อย พ่อแม่ของเจ้าล่ะ?”
เด็กหญิงก้มหน้า นางไม่พูดอะไรพลางส่ายหัวไปมา
เมื่อเห็นดังนั้น เด็กหนุ่มยิ้มออกมาบางๆพลางกล่าวว่า“เจ้าหิวรึเปล่า!พี่ชายจะพาเจ้าไปหาอะไรอร่อยๆกิน เอามั้ย?”
เด็กหญิงส่ายหัวอีกครั้ง ครั้งนี้ดูเหมือนจะส่ายหัวแรงมากขึ้นว่าเดิม
เด็กหนุ่มไม่สนใจก่อนที่จะยื่นมือออกมาดึงแขนของเด็กหญิงขึ้น เพื่อที่จะให้นางลุกขึ้นมาจากพื้น คนอื่นๆก็ล้อมตัวนางเอาไว้เพื่อปิดกั้นไม่ให้คนภายนอกเห็น
ในขณะที่เด็กหญิงกำลังจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เด็กหนุ่มก็แบกนางเอาไว้บนบ่า
“พวกเจ้าทำอะไร?”ทันใดนั้นก็มีเสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้นมา จนทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง
เมื่อพวกเขาหันกลับไปดูที่ต้นเสียงด้วยสีหน้าดูไม่ดีนัก เด็กชายคนหนึ่งที่สูงไม่ถึงเอวของพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่าเด็กชายกลับมีใบหน้าที่สวยราวกับเด็กผู้หญิง
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ก่อนที่ฝีเท้าจะยกขึ้นแล้วเตะเข้าใส่ร่างของถางอู่หลิน“เจ้าเด็กบ้า กล้ามายุ่งเรื่องไม่เข้าเรื่อง”
ถางอู่หลินที่ถูกเตะจนร่างของเขากระเด็นออกไปสองเมตรกว่าๆ ตัวของเขากลิ้งลงไปมอบอยู่กับพื้น
“พวกเจ้าพวกคนเลว!”เขายันตัวลุกยืนขึ้นมาพลางพุ่งเข้าไปหาพวกเขาหมายที่จะกั้นทางเดินเอาไว้
เด็กหนุ่มที่แบกร่างของเด็กหญิงเอาไว้สีหน้าของเขาพลันขึงขังมากขึ้น การกระทำที่เกิดขึ้นนี้ได้ดึงดูดสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมา อีกทั้งตรงนี้ก็ยังเป็นถนนใหญ่อีก
ปรากฏมีดเล่มหนึ่งในฝ่ามือของเด็กหนุ่ม แสงที่ถูกแดดส่องลงมาส่องแสงวิบวับ เขายื่นมันไปตรงหน้าของ
ถางอู่หลินพลางกล่าวข่มขู่ออกมา“ไม่อยากตายก็หลีกไปซะ!”
ถางอู่หลินจ้องมองไปที่เขาพลางกล่าวออกมาด้วยความโกรธ“คนเลวไม่ได้มีจุดจบที่ดีหรอกนะ ข้าเป็นผู้ใช้วิญญาณ ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก ปล่อยนางซะ!”
เขายกมือขวาขึ้นมา แสงสีฟ้าอ่อนๆเปล่งแสงประกายเปล่งปลั่ง หญ้าเงินฟ้าปรากฏขึ้นมาอยู่ภายในมือ คลื่นพลังบางๆได้ถูกปลดปล่อยออกมา
พลังวิญญาณระดับสามจะทำอะไรได้?ไม่มีพลังวิญญาณและวงแหวนวิญญาณที่เอาไว้ใช้สนับสนุน วิญญาณยุทธ์ก็ยังไม่สามารถที่จะเอามาใช้ในการต่อสู้ได้ และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมถึงต้องฝึกฝนพลังวิญญาณให้ถึงระดับสิบ
เด็กหนุ่มอึ้งไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มอีกคนที่อยู่ข้างๆก็ดึงมือของเขาเอาไว้
ถ้าเป็นแค่เด็กธรรมดาๆ ถึงพวกเขาจะทำอะไรลงไปก็ถาม เพียงแค่ทำลายหลักฐาน แล้วปิดปากซะก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ว่ากับเด็กที่มีพลังวิญญาณนั้นไม่เหมือนกัน เด็กพวกนี้คนของทางการจะให้ความสนใจเป็นพิเศษทั้งยังได้ลงชื่อเอาไว้ที่หอผ่านวิญญาณแล้ว ซึ่งหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น รัฐบาลกลางก็จะหาสาเหตุอย่างสุดกำลัง และถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแน่ อีกทั้งตอนนี้พวกเขาเองก็ถูกผู้คนจำนวนไม่น้อยได้เห็นเข้าแล้ว
“บ้าชะมัด!”เด็กหนุ่มสบถออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาปล่อยเด็กหญิงที่อยู่บนบ่าลงก่อนที่จะรีบวิ่งหนีไป
เด็กหญิงที่ขาอ่อนจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น ถางอู่หลินรีบวิ่งเข้าไปหาพลางกล่าวออกมา“ไม่ต้องกลัวนะ ข้าเป็นผู้ชายแล้วข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
เด็กหญิงแหงนหน้ามองไปที่เขา ด้วยระยะที่ใกล้ขนาดนี้ ทำให้ดวงตาสีม่วงดูสวยประกายงดงามกว่าที่เคย ภายในนัยน์ตานั้นเหมือนกับจะมีน้ำใสๆไหลออกมา
“อย่าร้อง อย่าร้อง คนเลวพวกนั้นถูกข้าไล่ไปหมดแล้ว ข้าชื่อถางอู่หลิน แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?”
หญิงสาวอึ้งไปสักพักก่อนที่นางจะเอ่ยออกมา“ข้าชื่อน่าน่า”
เขาเกิดมาในครอบครัวคนธรรมดา แต่ครอบครัวก็อบอุ่นดี พ่อกับแม่รักเขาเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะทำอะไรผิด พ่อกับแม่ก็จะคอยสอนด้วยเหตุผลเสมอๆ
แต่ในวันนี้ที่โรงเรียน เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับสิ่งที่เรียกว่า“ลำบาก”เพราะวิญญาณยุทธ์ของเขาที่เป็นหญ้าเงินฟ้านั่นคือเหตุผลที่ทำให้นักเรียนในห้องปฏิเสธเขาขนาดอาจารย์เองก็ดูไม่กระตือรือร้นกับเขาเท่าไหร่นัก
ในตอนบ่ายที่อาจารย์สอนทำสมาธิ อาจารย์ก็ใช้เวลาอธิบายเขาน้อยที่สุด
“วิญญาณยุทธ์ของข้า ไม่ดีขนาดนั้นเลยหรอ?”สีหน้าที่ดูไม่ดีของถางอู่หลินได้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเข้มแข็ง เขากล่าวออกมาว่า“ถึงแม้ว่าวิญญาณยุทธ์ของข้าจะไม่ดี แต่ข้าก็จะต้องเป็นผู้ใช้วิญญาณที่ยิ่งใหญ่ให้ได้ ท่านพ่อเคยบอกเอาไว้ ความสำเร็จมักมาจากความขยันเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์และความสามารถอีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ถ้าวิญญาณยุทธ์ของข้าไม่ดีพอ งั้นข้าก็จะต้องพยายามให้มากขึ้น!”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็เริ่มร่าเริงมากขึ้น ความกดดันที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง
แต่ว่าทำไม ข้าถึงหิวอีกแล้วล่ะ?ถางอู่หลินไม่ค่อยเข้าใจท้องของตัวเองเท่าไหร่นัก โรงเรียนจะมีข้าวมื้อกลางวันให้มื้อหนึ่ง ทั้งยังกินได้ไม่อั้นอีก อีกทั้งอาหารของเด็กนักเรียนห้องผู้ใช้วิญญาณยังดีกว่าห้องธรรมดาเป็นไหนๆ ถางอู่หลินกินไปเยอะมาก ข้าวหมดไปหม้อนึงได้แล้วกระมัง หากเทียบกับอายุของเขานั้นเท่ากับว่าเขากินในส่วนของนักเรียนสิบคนไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งนั่นมากกว่าปริมาณข้าวของผู้ใหญ่อีก
แต่ก่อนเขาก็กินข้าวไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่ากินมากขนาดนี้!อีกทั้งนี่เพิ่งจะบ่ายเองนะ แต่ตนดันมาหิวอีกแล้วนะสิ
กลับบ้านไปค่อยไปดูแล้วกันว่ามีอะไรอร่อยๆกินบ้าง เมื่อถางอู่หลินคิดถึงข้าวขึ้น ดวงตาของเขาก็พลันเป็นประกายระยิบระยับ
ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นก็มีร่างเงาเล็กๆร่างหนึ่งที่อยู่ริมถนนได้ดึงดูดสายตาของเขา
ถึงแม้ว่าแดดในช่วงตอนบ่ายจะไม่ได้แรงเท่าตอนเที่ยง ดังนั้นแสงแดดที่ส่องกระทบลงมายังผิวหนังจึงให้ความรู้สึกที่ร้อนนิดหน่อย แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของถางอู่หลินก็คือจุดที่แสงแดดส่องกระทบลงไปยังเส้นผมสีเงิน
เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ตรงทางริมถนน ดูเหมือนว่านางจะเด็กกว่าเขา แต่ทว่านางกลับมีผมสั้นสีเงิน แสงแดดที่ส่องลงมาทำให้ผมของนางเปล่งประกายสีที่สวยงามมากขึ้นกว่าเดิน
ราวกับถูกแรงดึงดูดบางอย่าง เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมามองที่เขา ใบหน้าของนางที่มอมแมมบวกกับเสื้อผ้าเก่าๆดูยังไงก็เหมือนกับขอทานไม่มีผิด แต่ว่านอกจากผมสั้นสีเทาที่พิเศษแล้วนางยังมีดวงตาที่ไม่เหมือนกับคนธรรมดา
ดวงตากลมโตนัยน์ตาที่เหมือนกับแร่อเมทิสต์สีม่วง ขนาดถางอู่หลินที่ยืนห่างจากนางขนาดนี้ ยังสามารถมองเห็นร่างเงาของตัวเองสะท้อนออกมาจากนัยน์ตาของนาง อีกทั้งนางยังมีขนตาที่งอนยาวคล้ายกับตุ๊กตา
เขาจ้องมองไปยังดวงตาคู่นั้นเหมือนกับมีมนต์สะกด เขาหยุดฝีเท้าลงในทันที สายตาของเด็กทั้งสองที่ประสานเข้าด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหญิงก็ไม่ละสายตาไปจากเขา ดวงตาคู่สวยนั้นกระพริบปริบๆด้วยความประหลาดใจ
“แม่นาง พ่อแม่ของเจ้าล่ะ?”ในตอนนั้นเอง ก็มีเด็กหนุ่มที่ถูกดึงดูดจากผมสีเงินนั้นเช่นเดียวกัน พวกเขาเดินมาข้างๆเด็กหญิงพลางถามขึ้น
เด็กหญิงไม่ได้มองพวกเขา นางเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล่าวอะไร
เด็กหนุ่มต่างมองหน้ากัน ก่อนที่จะมีหนึ่งคนในนั้นกล่าวออกมาว่า“ผมสีเงินนี่หายากมากเลยนะ!ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนของแผ่นดินอื่นก็ได้ เดาว่าตลาดมืดจะต้องชอบนางมากเป็นแน่ อีกทั้งดวงตาของนางก็ยังเป็นสีม่วงด้วย”
สายตาของเด็กหนุ่มแต่ละคนพลันฉายประกายความโลภออกมาพลางพยักหน้า
เด็กหนุ่มที่พูดไปก่อนหน้านี้ ก้มลงไปมองหน้าของเด็กหญิงพลางถามขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“เฮ้ สาวน้อย พ่อแม่ของเจ้าล่ะ?”
เด็กหญิงก้มหน้า นางไม่พูดอะไรพลางส่ายหัวไปมา
เมื่อเห็นดังนั้น เด็กหนุ่มยิ้มออกมาบางๆพลางกล่าวว่า“เจ้าหิวรึเปล่า!พี่ชายจะพาเจ้าไปหาอะไรอร่อยๆกิน เอามั้ย?”
เด็กหญิงส่ายหัวอีกครั้ง ครั้งนี้ดูเหมือนจะส่ายหัวแรงมากขึ้นว่าเดิม
เด็กหนุ่มไม่สนใจก่อนที่จะยื่นมือออกมาดึงแขนของเด็กหญิงขึ้น เพื่อที่จะให้นางลุกขึ้นมาจากพื้น คนอื่นๆก็ล้อมตัวนางเอาไว้เพื่อปิดกั้นไม่ให้คนภายนอกเห็น
ในขณะที่เด็กหญิงกำลังจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เด็กหนุ่มก็แบกนางเอาไว้บนบ่า
“พวกเจ้าทำอะไร?”ทันใดนั้นก็มีเสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้นมา จนทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง
เมื่อพวกเขาหันกลับไปดูที่ต้นเสียงด้วยสีหน้าดูไม่ดีนัก เด็กชายคนหนึ่งที่สูงไม่ถึงเอวของพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่าเด็กชายกลับมีใบหน้าที่สวยราวกับเด็กผู้หญิง
เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ก่อนที่ฝีเท้าจะยกขึ้นแล้วเตะเข้าใส่ร่างของถางอู่หลิน“เจ้าเด็กบ้า กล้ามายุ่งเรื่องไม่เข้าเรื่อง”
ถางอู่หลินที่ถูกเตะจนร่างของเขากระเด็นออกไปสองเมตรกว่าๆ ตัวของเขากลิ้งลงไปมอบอยู่กับพื้น
“พวกเจ้าพวกคนเลว!”เขายันตัวลุกยืนขึ้นมาพลางพุ่งเข้าไปหาพวกเขาหมายที่จะกั้นทางเดินเอาไว้
เด็กหนุ่มที่แบกร่างของเด็กหญิงเอาไว้สีหน้าของเขาพลันขึงขังมากขึ้น การกระทำที่เกิดขึ้นนี้ได้ดึงดูดสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมา อีกทั้งตรงนี้ก็ยังเป็นถนนใหญ่อีก
ปรากฏมีดเล่มหนึ่งในฝ่ามือของเด็กหนุ่ม แสงที่ถูกแดดส่องลงมาส่องแสงวิบวับ เขายื่นมันไปตรงหน้าของ
ถางอู่หลินพลางกล่าวข่มขู่ออกมา“ไม่อยากตายก็หลีกไปซะ!”
ถางอู่หลินจ้องมองไปที่เขาพลางกล่าวออกมาด้วยความโกรธ“คนเลวไม่ได้มีจุดจบที่ดีหรอกนะ ข้าเป็นผู้ใช้วิญญาณ ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก ปล่อยนางซะ!”
เขายกมือขวาขึ้นมา แสงสีฟ้าอ่อนๆเปล่งแสงประกายเปล่งปลั่ง หญ้าเงินฟ้าปรากฏขึ้นมาอยู่ภายในมือ คลื่นพลังบางๆได้ถูกปลดปล่อยออกมา
พลังวิญญาณระดับสามจะทำอะไรได้?ไม่มีพลังวิญญาณและวงแหวนวิญญาณที่เอาไว้ใช้สนับสนุน วิญญาณยุทธ์ก็ยังไม่สามารถที่จะเอามาใช้ในการต่อสู้ได้ และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมถึงต้องฝึกฝนพลังวิญญาณให้ถึงระดับสิบ
เด็กหนุ่มอึ้งไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มอีกคนที่อยู่ข้างๆก็ดึงมือของเขาเอาไว้
ถ้าเป็นแค่เด็กธรรมดาๆ ถึงพวกเขาจะทำอะไรลงไปก็ถาม เพียงแค่ทำลายหลักฐาน แล้วปิดปากซะก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ว่ากับเด็กที่มีพลังวิญญาณนั้นไม่เหมือนกัน เด็กพวกนี้คนของทางการจะให้ความสนใจเป็นพิเศษทั้งยังได้ลงชื่อเอาไว้ที่หอผ่านวิญญาณแล้ว ซึ่งหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น รัฐบาลกลางก็จะหาสาเหตุอย่างสุดกำลัง และถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแน่ อีกทั้งตอนนี้พวกเขาเองก็ถูกผู้คนจำนวนไม่น้อยได้เห็นเข้าแล้ว
“บ้าชะมัด!”เด็กหนุ่มสบถออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาปล่อยเด็กหญิงที่อยู่บนบ่าลงก่อนที่จะรีบวิ่งหนีไป
เด็กหญิงที่ขาอ่อนจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น ถางอู่หลินรีบวิ่งเข้าไปหาพลางกล่าวออกมา“ไม่ต้องกลัวนะ ข้าเป็นผู้ชายแล้วข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
เด็กหญิงแหงนหน้ามองไปที่เขา ด้วยระยะที่ใกล้ขนาดนี้ ทำให้ดวงตาสีม่วงดูสวยประกายงดงามกว่าที่เคย ภายในนัยน์ตานั้นเหมือนกับจะมีน้ำใสๆไหลออกมา
“อย่าร้อง อย่าร้อง คนเลวพวกนั้นถูกข้าไล่ไปหมดแล้ว ข้าชื่อถางอู่หลิน แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?”
หญิงสาวอึ้งไปสักพักก่อนที่นางจะเอ่ยออกมา“ข้าชื่อน่าน่า”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น