ตอนที่ 1 : ปลุกพลัง
เมืองอ้าวหลายเป็นเมืองที่อยู่ติดกับชายฝั่งทะเลตะวันออกสุริยันจันทรา
ในวันนี้ภายในเมืองคึกคักเป็นพิเศษเพราะว่าวันปลุกพลังที่จะมีมาปีละครั้งได้มาถึงแล้ว
ผู้คนในแผ่นดินโตวหลัวต่างก็มีสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณยุทธ์แฝงอยู่ภายใน ซึ่งวิญญาณยุทธ์นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในร่างกายของพวกเขา มันสามารถที่จะเป็นอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ พืชหรือแม้แต่อาวุธ ในตอนที่อายุหกขวบหลังจากที่ผ่านการปลุกพลังขึ้นมาวิญญาณยุทธ์ที่อยู่ภายในตัวก็จะถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น
ถ้าเกิดว่าวิญญาณยุทธ์เป็นจอบ เช่นนั้นแล้ว ความสามารถในการทำสวนของคนๆนั้นก็จะแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ แต่ถ้าวิญญาณยุทธ์เป็นสัตว์ ก็ไม่แน่ว่าคนๆนั้นอาจจะได้ความสามารถพิเศษบางอย่างของสัตว์มา ดังนั้น วิญญาณยุทธ์จึงมีบทบาทที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่เป็นอยู่ของผู้คน
และที่สำคัญ ผู้คนต่างก็รอคอยการปรากฏขึ้นของพลังวิญญาณ พลังวิญญาณนั้นเป็นพลังชนิดหนึ่งที่เอาไว้ใช้หล่อเลี้ยงและพัฒนาวิญญาณยุทธ์ แต่ละคนต่างก็มีวิญญาณยุทธ์อยู่ภายในตัวแต่ทว่าหนึ่งพันคนมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะมีวิญญาณยุทธ์ที่มีพลังวิญญาณ
พลังวิญญาณก็เปรียบเสมือนกับอนาคต ทั้งยังเปรียบเสมือนกับความแข็งแกร่ง วิญญาณยุทธ์ที่มีพลังวิญญาณก็จะสามารถที่จะฝึกฝนพลังวิญญาณและพัฒนาวิญญาณยุทธ์ของตัวเองได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผู้คนต่างก็ใฝ่ฝันในอาชีพระดับสูงที่มีเกียรติสูงสุด “ผู้ใช้วิญญาณ”
ดังนั้น ถึงจะเป็นประชาชนคนธรรมดา พวกเขาต่างก็หวังว่าลูกๆของพวกเขาในตอนที่อายุหกขวบ พอถึงวันปลุกพลังมาถึง เมื่อวิญญาณยุทธ์ตื่นขึ้นแล้วจะมีพลังวิญญาณปรากฏขึ้นมา ซึ่งนั่นอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของลูกๆของพวกเขาไปโดยปริยายและนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ตระกูล
ถนนด้านหน้าสำนักหงซาน วันนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่หนาแน่นเต็มถนน พวกเขาล้วนแล้วแต่พาลูกๆของตนมาเข้าร่วมการปลุกพลัง
“ท่านพ่อ ท่านว่าวิญญาณยุทธ์ของข้าจะเป็นแบบไหน?”เด็กชายอายุหกขวบจ้องมองไปที่ผู้เป็นพ่อของตน สิ่งที่เขาชอบฟังมากที่สุดก็คือในตอนที่พ่อของเขาพูดถึงเรื่องของผู้ใช้วิญญาณ ดวงตากลมโตทั้งสองเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เด็กชายผมสั้นสีดำ รูปร่างสูงกว่าเด็กทั่วไปสักหน่อย แต่ที่เป็นจุดที่ดึงดูดสายตาของผู้คนมากที่สุดคงจะเป็นดวงตาทั้งสอง นัยน์ตาของเขาเป็นสีดำสนิท ขนตาที่งอนยาวจนเด็กผู้หญิงยังต้องอิจฉา ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่จะดูธรรมดา แต่ทว่าด้วยหน้าตาที่มีเสน่ห์จนต้องเตะตาใครหลายต่อหลายคน
ส่วนตัวของผู้เป็นพ่อนั้นเขาเป็นแค่ชายวัยกลางคนธรรมดา รูปร่างธรรมดา หน้าตาก็ธรรมดา ดูยังไงก็เป็นแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น
“พ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกับ คงจะอยู่ที่โชคแล้ว”เขากล่าวพลางถอนหายใจออกมาข้างในใจ การปลุกพลังความจริงแล้วก็เป็นการแบ่งแยกระดับของคนอย่างหนึ่ง และแน่นอนว่าคนที่มีพลังวิญญาณคนๆนั้นจะต้องมีชีวิตที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่โชคดีที่ในยุคสมัยนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้ใช้วิญญาณ ก็ยังสามารถมีอนาคตที่สวยงามได้
“ข้าจะต้องมีพลังวิญญาณแน่ใช่มั้ย?”สายตาคู่สวยของเด็กชายเต็มไปด้วยความหวัง
ผู้เป็นพ่อลูบหัวลูกชายของตนเบาๆพลางยิ้มแล้วกล่าวออกมา“ไม่ว่าเจ้าจะมีหรือไม่มีพลังวิญญาณ พ่อก็ยังรักเจ้า”
ภายในสำนักมีคนพาลูกของตนเข้ามาข้างในอย่างไม่ขาดสาย มีบางคนที่ถอนหายใจออกมา มีบางคนที่ดีใจจนต้องกระโดดโลดเต้น ซึ่งนั่นเป็นเพราะวิญญาณยุทธ์ของลูกของเขานั้นมีพลังวิญญาณปรากฏขึ้นมา ทำให้ดึงดูดสายตาของผู้คนที่อยู่รอบๆที่จ้องมองด้วยความอิจฉาริษยา
บรรยากาศที่คึกคักทำให้เด็กชายพลันตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ถางอู่หลิน!”อาจารย์คนหนึ่งในสำนักหงซานเดินออกมาพร้อมกับขานรายชื่อที่อยู่ภายในมือ
“ข้าอยู่นี่!”เด็กชายเบิกตาคู่สวยกว้างก่อนที่เขาจะกล่าวขานตอบรับ
ถางจึหลานที่เห็นท่าทีที่ตื่นเต้นของลูกชายเขาก็อดใจเต้นตามไม่ได้
“มาด้วยกันกับข้า”เพราะงานในงานปลุกพลังนั้นเยอะเป็นอย่างมาก ทำให้ท่าทีของอาจารย์จะดูนิ่งเฉยไปเสียหน่อย เขาที่หันตัวเข้ามาก่อนที่ถางจึหลานจะรีบพาถางอู่หลินเดินตามเข้าไป
ในขณะที่กำลังเดินอยู่ภายทางเดินเล็กๆของสำนัก ถางอู่หลินกวาดสายตามองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น หากเทียบกับเขาแล้วนั้น ทุกสิ่งอย่างเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ไปซะหมด สำนักหงซานเป็นสำนักพื้นฐานที่สามารถรองรับศิษย์ได้มากถึงสองพันคน ภายในสำนักเป็นสำนักที่มีสไตล์เรียบง่าย หลังคาสีขาว กำแพงสีแดง สวนภายในสำนักก็ยังสะอาดเป็นอย่างมาก ในวันปลุกพลัง เมื่อเทียบกับข้างนอกภายในสำนักจะเงียบสงบกว่า จนถึงขนาดที่ว่าหัวใจที่เต้นรัวของถางอู่หลินยังคงต้องเงียบสงบเมื่ออยู่ที่นี่
อาจารย์พาพวกเขามายังข้างหน้าอาคารเรียนทรงกลมก่อนที่จะกล่าวกับถางจึหลาน“ผู้ปกครองรออยู่ตรงนี้ก่อน”
ถางจึหลานพยักหน้าพลางมองไปที่ลูกชายของตน“ฟังที่อาจารย์บอกเอาไว้นะ สู้ๆล่ะ ลูกชาย!พ่อจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้”
ถางอู่หลินพยักหน้าอย่างแข็งขัน“ท่านพ่อ ข้าจะต้องมีวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกร่ง”
ถางจึหลานที่มองดูลูกชายของตนเดินเข้าไปภายในอาคาร ภายในนัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความทรงจำต่างๆมากมายที่ผุดขึ้นมา อาคารนี้ไม่ว่าจะเป็นสำนักระดับไหนก็มี มันเรียกว่าห้องปลุกพลังซึ่งมันเอาไว้ใช้ปลุกพลังวิญญาณยุทธ์ของเด็กหกขวบ ทุกครั้งที่วันปลุกพลังมาถึง สำนักก็จะเชิญสปิริตมาสเตอร์ของหอผ่านวิญญาณเข้ามาทำพิธีปลุกพลัง หลายสิบปีก่อน เขาเองก็เคยเข้าไปที่ห้องปลุกพลังนี้ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังเช่นเดียวกัน
ภายในอาคารไม่ได้มีห้องปลุกพลังเพียงแค่ห้องเดียว แต่ทว่ามีทั้งหมดเจ็ดชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีห้องปลุกพลังหนึ่งห้อง และถางอู่หลินก็ถูกพาไปยังห้องปลุกพลังที่อยู่บนชั้นสาม
เมื่อเข้าไปภายในห้องปลุกพลัง ถางอู่หลินรู้สึกลายตาเป็นอย่างมาก ทั้งบนพื้น บนกำแพงและหลังคาเต็มไปด้วยอักขระะมากมายเต็มไปหมด ในตอนนั้น ภายในใจของเขารู้สึกแปลกๆขึ้นมา เหมือนกับมีพลังงานบางอย่างลอยอยู่ใกล้ๆ
ภายในห้องปลุกพลังมีชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมเก่าแก่สีส้มอยู่คนหนึ่ง ทั้งยังมีสัญญาณลักษณ์ที่เขียนว่า”วิญญาณสัตว์”เอาไว้
ถางอู่หลินชอบฟังเรื่องที่พ่อเล่าตั้งแต่ยังเล็ก และภายในเรื่องก็มี สปิริตมาสเตอร์ พวกเขาล้วนแล้วแต่มาจากหอผ่านวิญญาณ ทั้งแข็งแกร่งและลึกลับ พวกเขาเป็นกลุ่มผู้ใช้วิญญาณพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามห่างเรียงลำดับชั้นก็ยังอยู่แค่ชั้นที่หนึ่งเท่านั้น
“สวัสดีขอครับ”ถางอู่หลินกล่าวขึ้นมาอย่างสุภาพ
สีหน้าของสปิริตมาสเตอร์เต็มไปด้วยความอบอุ่นเขายิ้มบางๆพลางกล่าวออกมา“มาสิเด็กน้อย มายืนตรงกลาง”
ถางอู่หลินกระพริบตาปริบๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปและยืนอยู่ตรงกลาง ก่อนที่เขาจะถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้“ท่านสปิริตมาสเตอร์ ข้าจะมีวิญญาณยุทธ์เป็นแบบไหนงั้นหรือ?”
ได้ยินดังนั้น สปิริตมาสเตอร์หัวเราะ“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!หลังจากที่เจ้าปลุกพลังแล้ว ก็จะรู้เอง แต่ทว่าดวงตาของเจ้าสวยงามมาก ถ้าวิญญาณยุทธ์ของเจ้าเกี่ยวข้องกับดวงตา ถ้าเช่นนั้นก็สมบูณ์แบบ”
ถางอู่หลินดวงตาเป็นประกาย“ดวงตาวิญญาณงั้นหรอ?ข้าเคยได้ยินมา นั่นเป็นหอคอยแรกของหอผ่านวิญญาณชั้นที่หนึ่ง……”
ยังพูดไม่ทันจบ สปิริตมาสเตอร์ก็พูดแทรกเขาขึ้นมา“ทำใจให้สงบ ข้าจะเริ่มแล้ว”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น